โรงพยาบาล ทีวายพี
รีแพร์
ช่องคลอดหลวม ปัญหาที่อาจส่งผลต่อความมั่นใจ ทั้งขณะมีเพศสัมพันธ์และในชีวิตประจำวัน หลายคนอาจไม่รู้ว่า “ความหลวม” ไม่ใช่เรื่องของอายุอย่างเดียว แต่เกิดได้จากการคลอดบุตร การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรือแม้แต่พฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่ส่งผลต่อความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อบริเวณช่องคลอด ซึ่งอาจนำไปสู่ความรู้สึกไม่กระชับ มีลมออก เสียงในจุดซ่อนเร้น หรือแม้กระทั่งปัญหาปัสสาวะเล็ด ในยุคที่ความมั่นใจภายในส่งผลต่อบุคลิกภายนอก หมอแนะนำการ “รีแพร์” หรือกระชับช่องคลอด เป็นทางเลือกยอดนิยมที่ช่วยฟื้นฟูความกระชับให้กลับมา
รีแพร์ คืออะไร ?
รีแพร์ คือ การฟื้นฟูและกระชับช่องคลอด เพื่อให้กลับมาใกล้เคียงกับสภาพในช่วงก่อนคลอดบุตรหรือในวัยสาวมากที่สุด โดยสามารถทำได้ทั้งแบบ ผ่าตัด และ ไม่ผ่าตัด ขึ้นอยู่กับปัญหาและความต้องการของแต่ละบุคคล เป้าหมายหลักของรีแพร์ไม่ใช่แค่เรื่อง “ความสวยงาม” แต่ยังครอบคลุมถึงการเสริมสร้าง ความมั่นใจในชีวิตคู่ ลดปัญหา ความหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อช่องคลอด แก้ปัญหา ลมออกขณะเคลื่อนไหว หรือออกกำลังกาย c]tรวมถึงช่วยบรรเทาอาการ ปัสสาวะเล็ด ที่พบได้ในคุณแม่หลังคลอด
รีแพร์มีกี่แบบ? ต่างกันอย่างไร?
1. รีแพร์แบบผ่าตัด (Surgical Vaginal Repair / Vaginoplasty) เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาช่องคลอดหลวมมาก เช่น เคยคลอดธรรมชาติหลายครั้ง ศัลยแพทย์จะทำการเย็บกระชับกล้ามเนื้อบริเวณผนังช่องคลอดและฝีเย็บ ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1–2 สัปดาห์ ผลลัพธ์ชัดเจนและอยู่ได้นานหลายปี
2. รีแพร์แบบไม่ผ่าตัด (Non-surgical Vaginal Rejuvenation) ใช้เทคโนโลยี เช่น เลเซอร์, คลื่นวิทยุ (RF), หรือ HIFU ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและความยืดหยุ่นในกล้ามเนื้อ ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีแผล เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาเล็กน้อย หรือไม่สะดวกผ่าตัด
ใครบ้างที่เหมาะกับการทำรีแพร์?
การทำรีแพร์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เฉพาะผู้หญิงหลังคลอดเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับผู้หญิงในหลากหลายช่วงวัยที่ประสบปัญหาด้านสุขภาพและความมั่นใจในจุดซ่อนเร้น โดยเฉพาะกลุ่มต่อไปนี้
1. ผู้หญิงที่เคยคลอดบุตรทางช่องคลอด
การคลอดธรรมชาติส่งผลให้กล้ามเนื้อช่องคลอดขยายตัวมากกว่าปกติ และอาจไม่สามารถกลับมากระชับเหมือนเดิมได้ ทำให้ผู้หญิงหลายคนรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง เช่น ช่องคลอดหลวม ความรู้สึกระหว่างมีเพศสัมพันธ์ลดลง หรือมีลมออกในบางท่าทาง ซึ่งการทำรีแพร์สามารถช่วยคืนความกระชับและความมั่นใจให้กลับมาได้
2. มีอาการช่องคลอดหลวม หรือรู้สึก “ไม่กระชับ” ขณะมีเพศสัมพันธ์
ผู้หญิงบางคนแม้จะยังไม่เคยคลอดบุตร ก็อาจมีปัญหาช่องคลอดหลวมได้เช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงวัยทองหรือเมื่อกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเริ่มเสื่อมสภาพ อาการที่พบบ่อยคือ ความรู้สึกขณะมีเพศสัมพันธ์ลดลง ไม่แน่นเหมือนเคย ซึ่งอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์กับคู่รักและความมั่นใจในตัวเอง
3. มีลมออกจากช่องคลอดบ่อยในระหว่างเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกาย
ภาวะนี้เรียกว่า “vaginal flatulence” หรือ “queefing” เป็นลมที่ออกจากช่องคลอดโดยไม่ตั้งใจ มักเกิดจากการที่ผนังช่องคลอดหย่อนและมีช่องว่างภายในมากเกินไป การทำรีแพร์จะช่วยให้โครงสร้างภายในกลับมากระชับ ลดช่องว่าง และป้องกันลมออกโดยไม่ตั้งใจ
4. มีปัญหาปัสสาวะเล็ด (Urinary incontinence)
ในบางกรณีที่กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรงมากจนไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ อาจเกิดปัญหาปัสสาวะเล็ดเมื่อไอ จาม หรือออกแรง การรีแพร์ร่วมกับเทคนิคฟื้นฟูกล้ามเนื้อบริเวณนี้สามารถช่วยลดอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. ผู้หญิงที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจ และใส่ใจคุณภาพชีวิตทางเพศ
แม้จะไม่มีอาการหรือปัญหาชัดเจน แต่ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยก็เลือกทำรีแพร์เพื่อการดูแลตัวเองและเพิ่มคุณภาพชีวิต เช่น ต้องการให้ช่องคลอดกระชับขึ้น รู้สึกดีขึ้นกับร่างกายของตัวเอง หรือมีความมั่นใจเวลาสัมพันธ์กับคู่รัก ซึ่งล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตและความสัมพันธ์ในระยะยาว
รีแพร์ ช่วยอะไร ?
การทำ “รีแพร์” หรือการฟื้นฟูและกระชับช่องคลอด ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความงามหรือความรู้สึกระหว่างมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตในหลายด้าน โดยเฉพาะในผู้หญิงที่เคยผ่านการคลอดบุตร หรือกำลังเผชิญปัญหากล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง
1. เพิ่มความกระชับของช่องคลอด
กล้ามเนื้อช่องคลอดที่หย่อนคล้อยสามารถกระชับขึ้นได้ด้วยการรีแพร์ ทำให้รู้สึกเหมือนย้อนวัยกลับไปในช่วงก่อนคลอด ช่วยลดอาการ “หลวม” ที่อาจรบกวนทั้งในชีวิตประจำวันและความสัมพันธ์ส่วนตัว
2. เสริมความมั่นใจขณะมีเพศสัมพันธ์
ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อรู้สึกว่า “ไม่เหมือนเดิม” หรือมีเสียงลมออกจากช่องคลอดในระหว่างกิจกรรมทางเพศ การรีแพร์ช่วยให้ผู้หญิงรู้สึกดีขึ้นกับร่างกายของตนเอง ส่งผลให้ความสัมพันธ์กับคู่รักแน่นแฟ้นมากขึ้น
3. ลดอาการปัสสาวะเล็ด
เมื่อกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแข็งแรงขึ้นจากการรีแพร์ อาการปัสสาวะเล็ดขณะไอ จาม หรือออกแรงสามารถลดลงได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่ผู้หญิงวัยกลางคนจำนวนมากประสบและมักละเลย
4. ปรับสรีระภายในให้สมดุลมากขึ้น
การผ่าตัดหรือฟื้นฟูด้วยพลังงานต่าง ๆ เช่น เลเซอร์ หรือ HIFU ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณช่องคลอดมีความยืดหยุ่น แข็งแรง และดูมีสุขภาพดีขึ้น
5. ช่วยฟื้นฟูสุขภาพช่องคลอดในระยะยาว
รีแพร์ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาชั่วคราว แต่ยังเป็นการดูแลและป้องกันปัญหาในอนาคต เช่น การหย่อนของผนังช่องคลอด, ลมออกจากช่องคลอด, หรืออาการแสบแห้งในวัยทอง
6. ส่งเสริมสุขภาพจิตและความสัมพันธ์
เมื่อผู้หญิงรู้สึกมั่นใจจากภายใน จะส่งผลต่อบุคลิกภาพภายนอก ช่วยลดความเครียดและความกังวลในการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงเสริมสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับคู่รักได้อย่างมั่นคง
การเตรียมตัวก่อนทำรีแพร์
เตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การทำรีแพร์ (Repair) หรือการฟื้นฟูและกระชับช่องคลอด ไม่ว่าจะเป็นแบบผ่าตัดหรือไม่ผ่าตัด ล้วนต้องอาศัยการเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างเหมาะสม เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างปลอดภัย เห็นผลชัดเจน และลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ
1. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
ควรเข้าพบแพทย์เฉพาะทางด้านนรีเวชหรือศัลยกรรมตกแต่ง เพื่อประเมินสภาพช่องคลอดและเลือกวิธีการที่เหมาะสม เช่น รีแพร์แบบผ่าตัด หรือแบบไม่ผ่าตัด เช่น เลเซอร์ / HIFU / คลื่น RF แพทย์จะตรวจภายใน และสอบถามถึงประวัติสุขภาพโดยรวม โรคประจำตัว ประวัติการคลอด หรือการผ่าตัดที่ผ่านมา
2. ควรงดมีประจำเดือนในช่วงนัดทำหัตถการ
ถ้าเป็นการผ่าตัดหรือทำรีแพร์ไม่ผ่าตัดบริเวณจุดซ่อนเร้น ควรหลีกเลี่ยงช่วงที่มีประจำเดือน เพื่อความสะอาด ปลอดเชื้อ และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหลังทำ
3. พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับให้เต็มที่ก่อนวันทำหัตถการจะช่วยให้ร่างกายพร้อมรับการรักษา และลดความเครียด โดยเฉพาะหากต้องใช้ยาสลบหรือยาชาเฉพาะที่
4. งดเพศสัมพันธ์ก่อนทำ 2–3 วัน
เพื่อให้บริเวณช่องคลอดสะอาด ไม่มีการอักเสบ หรือรอยถลอกเล็ก ๆ ที่อาจทำให้ระคายเคืองขณะทำหัตถการได้
5. งดยาบางชนิดก่อนเข้ารับการรักษา
หากคุณใช้ยาในกลุ่มที่อาจทำให้เลือดออกง่าย เช่น แอสไพริน วิตามินอี หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้า เพื่อประเมินความเสี่ยง และอาจต้องหยุดยาเป็นเวลา 5–7 วันก่อนทำการรีแพร์
6. ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นให้เหมาะสม
หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอดด้วยน้ำยาที่มีฤทธิ์รุนแรง ให้ใช้แค่น้ำเปล่าหรือผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน เพื่อรักษาสมดุลภายใน
การดูแลตัวเองหลังทำรีแพร์
พักฟื้นอย่างถูกวิธี เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและยาวนาน หลังจากเข้ารับการทำรีแพร์ ไม่ว่าจะเป็นแบบผ่าตัดหรือไม่ผ่าตัด การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้แผลหายเร็ว ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และทำให้ผลลัพธ์ออกมาสมบูรณ์ที่สุด
1. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 4–6 สัปดาห์
โดยเฉพาะหากทำรีแพร์แบบผ่าตัด ควรงดกิจกรรมทางเพศจนกว่าแผลจะหายสนิท เพื่อป้องกันการฉีกขาดหรือการติดเชื้อ ส่วนรีแพร์แบบไม่ผ่าตัด เช่น เลเซอร์ หรือ HIFU ก็ควรงด 3–7 วัน หรือจนกว่าแพทย์จะประเมินว่าปลอดภัย
2. หลีกเลี่ยงการยกของหนัก ออกแรง หรือเบ่ง
โดยเฉพาะในช่วง 2–3 สัปดาห์แรก ควรงดกิจกรรมที่มีแรงดันในช่องท้อง เช่น ยกของหนัก, ออกกำลังกายหนัก, ขี่จักรยาน หรือเบ่งอุจจาระแรง ๆ เพราะอาจกระทบต่อแผลผ่าตัดหรือเนื้อเยื่อที่กำลังฟื้นตัว
3. รักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้น
ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน หรือเพียงแค่ล้างด้วยน้ำเปล่า และเช็ดให้แห้งอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการแช่น้ำอุ่นนาน ๆ หรือการสวนล้างภายในช่องคลอดที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ
4. รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
หากแพทย์ให้ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด หรือยาลดอักเสบ ควรรับประทานตามเวลา และครบตามจำนวนเพื่อป้องกันการอักเสบหรือติดเชื้อในภายหลัง
5. สังเกตอาการผิดปกติ
หากมีอาการเช่น มีไข้สูง, ปวดหรือบวมผิดปกติ, มีกลิ่นไม่พึงประสงค์, เลือดออกมาก หรือมีตกขาวลักษณะผิดปกติ ควรรีบกลับไปพบแพทย์ทันที
6. รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง
เพื่อป้องกันอาการท้องผูกในช่วงพักฟื้น เพราะการเบ่งอุจจาระอาจส่งผลกระทบต่อแผลหรือเนื้อเยื่อที่กำลังฟื้นตัวได้ ควรเน้นผัก ผลไม้ ดื่มน้ำมาก ๆ และอาจรับประทานยาระบายอ่อน ๆ หากจำเป็น