โรงพยาบาล ทีวายพี

Total Views: 23Daily Views: 5

ยกคิ้ว EBL

คิ้วตก หนังตาหย่อน ดวงตาดูเหนื่อยล้า… ปัญหาที่ทำให้ใบหน้าดูเศร้า ไม่สดใส และอาจส่งผลต่อความมั่นใจเวลาสบตา ยิ้ม หรือถ่ายรูปในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในยุคที่ทุกสายตามีความหมาย หมอแนะนำการปรับใบหน้าส่วนบนด้วย ‘การยกคิ้วผ่านกล้อง EBL’ (Endoscopic Brow Lift) เทคนิคยอดนิยมที่ช่วยยกแนวคิ้วให้ได้รูป เปิดดวงตาให้ดูสดใสขึ้นทันที โดยไม่ต้องกรีดแผลยาว ฟื้นตัวไว เหมาะกับคนที่อยากดูอ่อนเยาว์แบบเป็นธรรมชาติ มั่นใจได้ในทุกมุมกล้อง

ยกคิ้ว EBL คืออะไร ?

ยกคิ้ว EBL หรือชื่อเต็มว่า Endoscopic Brow Lift คือ การผ่าตัดยกคิ้วด้วยเทคนิคส่องกล้อง โดยใช้กล้องขนาดเล็ก (Endoscope) เพื่อช่วยให้แพทย์มองเห็นชั้นใต้ผิวหนังอย่างแม่นยำ ทำให้สามารถ ยกแนวคิ้วและหน้าผากให้กระชับขึ้น โดย ไม่ต้องกรีดแผลยาว แบบการผ่าตัดดั้งเดิม

ยกคิ้ว EBL ช่วยอะไร ?

การยกคิ้วด้วยเทคนิค EBL (Endoscopic Brow Lift) คือการปรับรูปหน้าและสัดส่วนดวงตาโดยการผ่าตัดยกแนวคิ้วผ่านการส่องกล้อง ซึ่งมีความแม่นยำและปลอดภัยสูง โดยเทคนิคนี้ช่วย “ยกคิ้ว” ที่ตกหรือคล้อยให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ช่วยแก้ปัญหาหนังตาหย่อน คิ้วตก ดวงตาดูอ่อนแรง หรือมีรอยย่นบนหน้าผาก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส และดูมีอายุ การยกคิ้วด้วย EBL จะช่วย “เปิดดวงตา” ให้ดูโตขึ้น สดใสขึ้น เหมือนคนที่พักผ่อนเต็มที่ ตื่นตัว และมีความมั่นใจมากขึ้นเวลาสบตาผู้อื่น เหมาะมากกับคนที่กังวลเวลายิ้ม ถ่ายรูป หรืออยู่ในมุมที่ต้องเผลอสบตากล้อง เพราะแนวคิ้วที่ตกอาจทำให้หน้าดูเศร้าโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ การใช้กล้องช่วยในการผ่าตัดยังทำให้แผลมีขนาดเล็กมาก ซ่อนอยู่ในแนวไรผม ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นบนใบหน้า และลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ทำให้คนไข้สามารถฟื้นตัวได้เร็ว เจ็บน้อย ช้ำน้อย และกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ไว การยกคิ้วด้วยเทคนิคนี้จึงได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจน ดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน และไม่อยากผ่าตัดใหญ่

ยกคิ้ว EBL มีข้อดีอะไร ?

การยกคิ้วแบบ EBL (Endoscopic Brow Lift) เป็นเทคนิคที่มีข้อดีหลายด้าน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ สดใส และเป็นธรรมชาติ โดยหนึ่งในข้อได้เปรียบหลักคือ แผลมีขนาดเล็ก ซ่อนอยู่บริเวณไรผม ไม่ต้องกรีดแผลยาวบนหน้าผากเหมือนการผ่าตัดแบบเดิม ทำให้แทบมองไม่เห็นรอยแผล ช่วยลดความกังวลเรื่องรอยแผลเป็น อีกทั้งยัง ฟื้นตัวได้เร็วกว่า เพราะการส่องกล้องช่วยให้แพทย์สามารถผ่าตัดโดยกระทบเนื้อเยื่อได้น้อยลง ทำให้เจ็บน้อย ช้ำน้อย และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ไวกว่าเดิม นอกจากนี้ EBL ยังมี ความแม่นยำสูง ด้วยการใช้กล้องขนาดเล็กช่วยให้แพทย์สามารถเลาะเนื้อเยื่อและปรับโครงสร้างใต้ผิวได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงในการกระทบเส้นประสาทสำคัญ พร้อมทั้งช่วย เปิดดวงตาให้ดูกลมโตและสดใสขึ้น เหมาะมากสำหรับผู้ที่มีปัญหาคิ้วตก หนังตาหย่อน หรือมีรอยย่นบนหน้าผาก ซึ่งมักทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและดูมีอายุ เมื่อแนวคิ้วยกขึ้น ใบหน้าจะดู สดใส อ่อนเยาว์ขึ้นทันที ส่งผลต่อความมั่นใจในการถ่ายรูป การยิ้ม หรือการสบตาผู้อื่น ไม่ว่าจะมุมตรง มุมเผลอ หรือมุมกล้องแบบไหนก็พร้อมเผยความมั่นใจได้เต็มที่ เพราะโครงสร้างใบหน้าส่วนบนดูเปิด ดูยก และเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งการศัลยกรรมขนาดใหญ่หรือการดึงหน้าทั้งหน้าแต่อย่างใด

ยกคิ้ว EBL เหมาะกับใคร ?

การยกคิ้วแบบ EBL (Endoscopic Brow Lift) เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหาเรื่องแนวคิ้วตกหรือหนังตาบนหย่อนคล้อย ซึ่งส่งผลให้ดวงตาดูง่วง เหนื่อยล้า หรือดูไม่สดใสแม้ในวันที่พักผ่อนเพียงพอ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่รู้สึกว่าตนเองดูมีอายุเร็วกว่าความเป็นจริงเมื่อมองผ่านกระจกหรือเวลาถ่ายรูป นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีรอยย่นบริเวณหน้าผากหรือหว่างคิ้ว ซึ่งเป็นผลจากการขมวดคิ้วบ่อยหรือการพยายามเลิกคิ้วเพื่อชดเชยความหย่อนของเปลือกตา เทคนิคนี้ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการความอ่อนเยาว์ แต่ไม่อยากผ่าตัดเปิดแผลใหญ่หรือมีรอยแผลชัดเจนบนใบหน้า เพราะการยกคิ้วแบบ EBL ใช้แผลขนาดเล็กซ่อนอยู่ในไรผม ทำให้ไม่เห็นรอยแผลหลังผ่าตัด อีกทั้งยังฟื้นตัวเร็ว ไม่กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันมากนัก จึงเหมาะสำหรับทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยเฉพาะในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง และต้องการปรับบุคลิกให้ดูสดใส อ่อนวัยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่พึ่งการดึงหน้าหรือผ่าตัดแบบใหญ่ทั้งใบหน้า

การดูแลตัวเองก่อนส่องกล้องยกคิ้ว EBL

เตรียมตัวให้พร้อม เพื่อผลลัพธ์สวยเป๊ะอย่างปลอดภัย การส่องกล้องยกคิ้ว (EBL) เป็นเทคนิคการผ่าตัดเล็กที่ใช้กล้องส่องผ่านแผลเล็ก ๆ ซ่อนในไรผม เพื่อยกคิ้วและหน้าผากให้ดูยกกระชับ สดใส และดูอ่อนเยาว์มากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดจึงมีความสำคัญ เพื่อช่วยลดความเสี่ยง และทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด

1. เข้าพบแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนการรักษา

ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าโดยตรง เพื่อประเมินสภาพของคิ้ว หน้าผาก หนังตา และเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับใบหน้าของคุณ พร้อมทั้งสอบถามเกี่ยวกับผลลัพธ์ ความคาดหวัง และข้อจำกัดต่าง ๆ

2. แจ้งประวัติสุขภาพโดยละเอียด

หากมีโรคประจำตัว เช่น ความดัน เบาหวาน หอบหืด หรือแพ้ยาใด ๆ ต้องแจ้งแพทย์ให้ครบ รวมถึงยาที่ใช้อยู่ประจำ เพื่อความปลอดภัยระหว่างการผ่าตัด

3. งดยาบางชนิดก่อนผ่าตัด

โดยเฉพาะยากลุ่มที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามินอี น้ำมันปลา ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น warfarin) ควรงดล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน หรือให้แพทย์แนะนำเป็นรายกรณี

4. งดแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่

ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 1–2 สัปดาห์ เพราะอาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของแผล และเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อหรือแผลหายช้า

5. พักผ่อนให้เพียงพอ

นอนหลับให้เต็มที่ก่อนวันผ่าตัด เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดี ช่วยให้การวางยาชาหรือยาสลบปลอดภัยมากขึ้น

6. งดแต่งหน้าและดูแลความสะอาดบริเวณใบหน้า

ก่อนผ่าตัดควรล้างหน้าให้สะอาด และงดแต่งหน้าในวันผ่าตัด รวมถึงไม่ใช้ครีมบำรุงหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ บนใบหน้าและหน้าผาก

การดูแลตัวเองหลังส่องกล้องยกคิ้ว EBL

ดูแลดี ฟื้นตัวไว คิ้วสวยเป๊ะอย่างเป็นธรรมชาติ การผ่าตัดยกคิ้วด้วยเทคนิคส่องกล้อง (Endoscopic Brow Lift หรือ EBL) เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเพราะแผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว และได้ผลลัพธ์ที่ดูอ่อนวัยอย่างเป็นธรรมชาติ แต่หลังการผ่าตัด การดูแลตัวเองก็เป็นอีกหนึ่ง “กุญแจสำคัญ” ที่จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวย สมบูรณ์ และลดความเสี่ยงแทรกซ้อน

1. ประคบเย็นใน 48 ชั่วโมงแรก

ช่วยลดอาการบวมและช้ำรอบหน้าผากและรอบดวงตา ใช้เจลเย็นหรือผ้าห่อน้ำแข็งประคบเบา ๆ บริเวณหน้าผาก โดยทำวันละ 3–4 ครั้ง ครั้งละ 15–20 นาที

2. นอนยกหัวสูง

ในช่วง 5–7 วันแรก ควรนอนยกหัวสูง (ใช้หมอนซ้อน 2 ใบ) เพื่อลดอาการบวม ไม่ควรนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ เพื่อป้องกันการกดทับบริเวณแผลหรือคิ้วที่เพิ่งยกขึ้น

3. งดสระผมหรือโดนน้ำบริเวณแผล 3–5 วัน

หากแพทย์ใช้ไหมไม่ละลาย แนะนำงดสระผมจนกว่าแพทย์จะตัดไหม แต่ถ้าจำเป็นต้องสระ ควรสระด้วยความเบามือ หลีกเลี่ยงบริเวณแผล และไม่ให้แผลเปียกชื้นนานเกินไป

4. ห้ามจับ ดึง หรือเกาแผล

ระวังไม่ให้แผลถลอก หรือไหมหลุดก่อนเวลา เพราะอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นหรือแผลติดเชื้อได้

5. รับประทานยาและทายาตามแพทย์สั่ง

หากแพทย์ให้ยาปฏิชีวนะหรือยาแก้ปวด ควรรับประทานให้ครบตามเวลา และไม่ควรหยุดยาเอง รวมถึงทายาหรือดูแลผิวรอบแผลตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

6. งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดแรง

เช่น การออกกำลังกายหนัก การนวดหน้า หรืออบซาวน่า ประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันเลือดคั่งใต้ผิวหนัง