คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับโบท็อกซ์
คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับโบท็อกซ์
Q : ฉีดโบท็อกซ์ลิฟต์หน้า ดีไหม เหมาะกับใคร
A : การฉีดโบท็อกซ์เพื่อลิฟต์กรอบหน้า ทำให้เซลล์ผิวหนังบริเวณกรอบหน้าเกิดการหดตัว กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ช่วยให้ผิวกระชับขึ้น เต่งตึง และทำให้กรอบหน้าดูชัดขึ้น ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลิฟต์กรอบหน้า เหมาะกับผู้ที่มีผิวบริเวณใบหน้าและเหนียงหย่อนคล้อย มีปัญหาแนวกรอบหน้าไม่ชัด ใบหน้าไม่มีมิติ หรือผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย โดยไม่ต้องผ่าตัดยกกระชับ
Q : ต้องดูแลตัวเองอย่างไร หลังจากฉีดโบท็อกซ์ ?
A : หลังฉีดโบท็อกซ์ ควรดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงต่าง ๆ นี่คือข้อแนะนำในการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์
Q : ฉีดโบท็อกซ์ กี่วันเห็นผล ?
A : เป็นคำถามยอดฮิตของหลายคนที่เพิ่งเริ่มต้นดูแลตัวเองด้วยโบท็อกซ์ หรือแม้แต่คนที่ฉีดเป็นประจำก็ยังสงสัยว่า…ทำไมบางครั้งถึงเห็นผลไว บางครั้งถึงช้า คำตอบคือ ระยะเวลาในการเห็นผลของโบท็อกซ์ อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยสำคัญ ดังนี้:
1. ตำแหน่งที่ฉีด
การฉีดในแต่ละตำแหน่งจะให้ผลเร็วหรือช้าต่างกัน เช่น ฉีดลดริ้วรอยหน้าผากหรือรอยตีนกา มักจะเริ่มเห็นผลภายใน 3–5 วัน ขณะที่การฉีดลดกรามเพื่อปรับรูปหน้า อาจใช้เวลานานกว่านั้นประมาณ 7–14 วัน และผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ในสัปดาห์ที่ 3–4
2. ปริมาณโบท็อกซ์ที่ใช้
การใช้โบท็อกซ์มากหรือน้อยก็ส่งผลต่อการออกฤทธิ์ หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสมกับขนาดกล้ามเนื้อและพื้นที่เป้าหมาย จะให้ผลเร็วและอยู่ได้นานกว่า แต่หากใช้น้อยเกินไป ผลอาจไม่ชัดหรือหมดฤทธิ์เร็ว
3. โบท็อกซ์แท้หรือไม่
โบท็อกซ์แท้จากผู้ผลิตที่ได้รับการรับรอง เช่น Allergan (อเมริกา), Nabota (เกาหลี), Dysport (อังกฤษ) จะให้ผลลัพธ์ที่แน่นอนและปลอดภัย ส่วนโบท็อกซ์ปลอม หรือที่ไม่ผ่าน อย. อาจเห็นผลช้าหรือไม่เห็นผลเลย และอาจเสี่ยงต่ออาการแพ้หรือดื้อยา
4. ความเข้มข้นของตัวยาและเทคนิคการฉีด
การผสมยาในอัตราส่วนที่เหมาะสมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะส่งผลโดยตรงต่อการกระจายตัวของยาและประสิทธิภาพของผลลัพธ์ หากเจือจางมากเกินไป อาจเห็นผลช้าและไม่ชัดเจน
5. ภาวะดื้อโบท็อกซ์
ในบางรายที่เคยฉีดโบท็อกซ์บ่อย ๆ ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ร่างกายอาจสร้างภูมิต้านทานต่อสารโบทูลินัม (Botulinum Toxin) จนทำให้ตัวยาไม่ออกฤทธิ์ หรือเห็นผลช้าลงอย่างชัดเจน
Q : โบท็อกซ์ นิยมฉีดตำแหน่งใดบ้าง
A : 5 ตำแหน่งที่สาวๆ นิยมฉีดโบท็อกซ์ มี ดังนี้ 1. ลดรอยตีนกา 2. ลดรอยขมวดคิ้ว 3. ลดรอยย่นหน้าผาก 4. กราม และ 5. ลิฟต์หน้าเรียว
Q : ฉีดฟิลเลอร์ กับ ฉีดโบท็อกซ์ แตกต่างกันอย่างไร
A : สำหรับใครที่สงสัย จะตัดสินใจฉีดแบบไหนดี ทาง TYP ได้สรุปแบบหมัดต่อหมัด เข้าใจง่ายไว้ ดังนี้
Q : โบท็อกซ์ควรฉีดทุกกี่เดือน ?
A : แนะนำให้ฉีดทุก 4 – 6 เดือน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด
Q : ทำไมฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เห็นผล
A : หลายคนอาจเคยมีประสบการณ์ฉีดโบท็อกซ์แล้วรู้สึกว่า…หน้าก็ยังไม่เรียว ริ้วรอยก็ยังอยู่เหมือนเดิม หรือเห็นผลน้อยกว่าที่คาดไว้ สาเหตุเหล่านี้อาจไม่ได้เกิดจากตัวคุณเพียงอย่างเดียว แต่อาจมาจากปัจจัยภายนอกหลายประการ เช่น
🔸 1. ใช้โบท็อกซ์ปลอมหรือไม่มีคุณภาพ
นี่คือสาเหตุหลักที่พบบ่อยที่สุด โบท็อกซ์ปลอมมักไม่สามารถออกฤทธิ์ได้จริง หรือให้ผลเพียงชั่วคราวแบบไม่แน่นอน เสี่ยงทั้งเรื่องผลลัพธ์และอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นได้ในภายหลัง
🔸 2. ยาถูกเจือจางมากเกินไป
แม้จะเป็นโบท็อกซ์แท้ แต่หากมีการผสมยาด้วยน้ำเกลือมากเกินไปเพื่อประหยัดต้นทุน จะทำให้ตัวยาอ่อนเกินกว่าจะออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้ผลลัพธ์จางไวหรือไม่ชัดเจน
🔸 3. ปริมาณยาน้อยเกินกว่าที่กล้ามเนื้อจำเป็นต้องใช้
ในบางกรณี แพทย์หรือผู้ฉีดอาจใช้ปริมาณโบท็อกซ์ไม่เหมาะสมกับขนาดของกล้ามเนื้อ ทำให้ยาไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ครบถ้วน และผลลัพธ์จึงไม่ชัด
🔸 4. เทคนิคการฉีดไม่แม่นยำ
แม้จะใช้ยาแท้และในปริมาณที่เหมาะสม แต่หากเทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง ไม่ลงตำแหน่งกล้ามเนื้อเป้าหมาย ก็จะไม่สามารถระงับการทำงานของกล้ามเนื้อได้ ส่งผลให้ดูเหมือนไม่เห็นผล
🔸 5. ร่างกายดื้อโบท็อกซ์
ในผู้ที่เคยฉีดโบท็อกซ์ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ร่างกายอาจสร้างภูมิคุ้มกันต่อตัวยา ทำให้ยาไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ตามปกติ ซึ่งในกรณีนี้ อาจต้องเปลี่ยนยี่ห้อ หรือปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไข
Q : ถ้าดื้อโบท็อกซ์จะแก้ไขได้อย่างไร
A : อาการดื้อโบท็อกซ์ไม่สามารถแก้ไขได้ ส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาประมาณ 3-5 ปี หรือบางรายก็ไม่สามารถกลับมาฉีดได้เหมือนเดิม
Q : โบท็อกซ์แต่ละตำแหน่ง กี่วันเห็นผล ?
A : โดยทั่วไปแล้ว การฉีดโบท็อกซ์แต่ละตำแหน่งจะใช้เวลาเห็นผลแตกต่างกันไปเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีดและสภาพร่างกายของแต่ละคน โดยรวมสามารถสรุปได้ ดังนี้
