แก้จมูก
แก้จมูก
จมูกเบี้ยว ปลายบาง ซิลิโคนเอียง หรือรูปทรงไม่เข้ากับใบหน้า อาจทำให้ภาพรวมของใบหน้าดูผิดสัดส่วน ขาดความสมดุล และส่งผลต่อความมั่นใจเวลาใช้ชีวิตประจำวันหรือเข้าสังคม “การแก้จมูก” จึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงให้เหมาะกับโครงหน้า เสริมจุดเด่น ลดจุดด้อย คืนความมั่นใจให้ใบหน้าโดยรวมดูละมุน คมชัด และเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อทำโดยแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ด้านจมูกโดยตรง
การแก้จมูก คืออะไร ?
คือ การผ่าตัดศัลยกรรมจมูกครั้งที่สองหรือมากกว่า เพื่อ ปรับปรุง แก้ไข หรือแก้ปัญหา ที่เกิดจากการเสริมจมูกครั้งก่อน ไม่ว่าจะเป็นด้านความสวยงามหรือปัญหาด้านสุขภาพ พูดอย่างเข้าใจง่าย คือ “การแก้จมูก” คือการผ่าตัดเพื่อ แก้ไขจมูกที่เคยทำมาแล้ว แต่มีปัญหา หรือยังไม่เป็นที่พอใจ เช่น ทรงไม่สวย จมูกเบี้ยว ปลายบาง หรือมีภาวะแทรกซ้อน
จุดประสงค์ของการแก้จมูก
จุดประสงค์ของการแก้จมูก คือการแก้ไข ปรับปรุง บำรุง หรือฟื้นฟูรูปทรงและโครงสร้างของจมูกที่เคยทำศัลยกรรมมาแล้ว แต่ผลลัพธ์ยังไม่เป็นที่พอใจ หรือ เกิดปัญหาตามมาทั้งในแง่ของความสวยงามและสุขภาพ
วิธีการแก้จมูก เหมาะกับใคร ?
วิธีการแก้จมูก เหมาะสำหรับผู้ที่เคยเสริมจมูกมาแล้วแต่ประสบปัญหาหรือยังไม่พอใจกับผลลัพธ์ โดยเฉพาะในกรณีต่อไปนี้
1. จมูกเบี้ยว เอียง หรือไม่สมมาตร
หลังเสริมจมูกแล้วรูปทรงดูไม่เท่ากัน หรือบิดเบี้ยวจากตำแหน่งเดิม
2. ปลายจมูกบาง ตึง แดง หรือเสี่ยงทะลุ
เนื้อปลายจมูกไม่พอหรือบางเกินไปจนเห็นซิลิโคนชัด หรือเริ่มมีอาการเจ็บตึงผิดปกติ
3. ซิลิโคนเคลื่อน หรือลอยขึ้นมาเห็นเป็นแท่ง
เกิดการเคลื่อนของซิลิโคน ทำให้ทรงดูผิดธรรมชาติ
4. มีพังผืดหรือแผลเป็นแข็งในโพรงจมูก
ส่งผลให้จมูกดูแข็งทื่อ จับแล้วรู้สึกเป็นแท่ง ไม่ยืดหยุ่น
5. รูปทรงไม่เข้ากับใบหน้า / ไม่เป็นธรรมชาติ
ต้องการเปลี่ยนทรงใหม่ให้เหมาะกับโครงหน้า ดูละมุน หรือดูคมชัดขึ้น
6. มีอาการแทรกซ้อน เช่น ติดเชื้อหรืออักเสบ
การแก้จมูกจะช่วยนำสิ่งแปลกปลอมออก และฟื้นฟูเนื้อเยื่อให้กลับมาสมบูรณ์
7. ทำจมูกมาแล้วนานหลายปี อยากเปลี่ยนหรืออัปเกรดทรง
เพื่อให้เข้ากับอายุ รูปหน้าในปัจจุบัน หรือใช้วัสดุที่ปลอดภัยกว่าของเดิม
การเตรียมตัวก่อนแก้จมูก
1. ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางอย่างละเอียด
ควรเลือกศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการ “แก้จมูกโดยเฉพาะ” และแจ้งข้อมูลให้ครบถ้วน เช่น เคยทำมากี่ครั้ง ใช้ซิลิโคนแบบใด เคยมีปัญหาอะไรบ้าง เพื่อให้แพทย์วางแผนการแก้ไขได้เหมาะสม
2. งดวิตามินและยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
ควรงดวิตามิน อาหารเสริม และยากลุ่มแอสไพริน หรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 7–14 วันก่อนผ่าตัด เพื่อป้องกันเลือดออกมากหรือเกิดรอยช้ำ
3. พักผ่อนให้เพียงพอ
นอนหลับอย่างน้อย 7–8 ชั่วโมงก่อนวันผ่าตัด และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดอย่างน้อย 48 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายอยู่ในสภาพพร้อมที่สุด
4. งดอาหารและน้ำก่อนผ่าตัด
หากแพทย์ใช้การดมยาสลบ ต้องงดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6–8 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด เพื่อความปลอดภัยระหว่างทำหัตถการ
5. เตรียมคนดูแลหลังผ่าตัด
ควรมีผู้ติดตามในวันผ่าตัด เพื่อช่วยพากลับบ้าน และดูแลเบื้องต้นในช่วง 1–2 วันแรกหลังผ่าตัดที่ร่างกายยังอ่อนเพลีย
6. เตรียมของใช้จำเป็นล่วงหน้า
เช่น หมอนรองคอ ประคบเย็น ผ้าก๊อซ ยาล้างแผล หรือเสื้อผ้าสวมง่าย ไม่ต้องสวมหัว เพื่อให้ฟื้นตัวได้สะดวก
การดูแลตัวเองหลังแก้จมูก
หลังจากแก้จมูกเรียบร้อยแล้ว การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีคือสิ่งสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อรูปทรงจมูก ผลลัพธ์ระยะยาว และลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน มาดูกันว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้างในช่วงพักฟื้น
1. ประคบเย็นใน 48 ชั่วโมงแรก
ประคบเย็นบริเวณรอบดวงตา หน้าผาก และแก้มในช่วง 2 วันแรก เพื่อลดอาการบวมและช้ำ หลีกเลี่ยงการประคบบริเวณจมูกโดยตรง
2. นอนหัวสูง
ควรนอนยกศีรษะสูงด้วยหมอน 2 ใบ หรือนอนหมอนรองคอ เพื่อช่วยลดอาการบวมและป้องกันการกดทับบริเวณจมูก
3. ห้ามจับ กด หรือเคลื่อนซิลิโคนเอง
แม้จะรู้สึกตึงหรือบวม ห้ามจับหรือดัดทรงจมูกด้วยตัวเองโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ซิลิโคนเคลื่อนหรือแผลอักเสบได้
4. งดกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการกระแทก
ควรงดออกกำลังกายหนัก งดก้มหน้าต่ำ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจเสี่ยงต่อการโดนจมูก เช่น เล่นกับเด็กหรือสัตว์เลี้ยง อย่างน้อย 2–4 สัปดาห์
5. รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
ทานยาแก้อักเสบ ยาลดบวม และยาปฏิชีวนะให้ครบตามที่แพทย์จัดไว้ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
6. งดของแสลงและอาหารรสจัด
งดอาหารหมักดอง ของทะเล ปิ้งย่าง และอาหารที่มีรสจัดจ้าน เพราะอาจกระตุ้นการอักเสบและทำให้บวมมากขึ้น
7. เข้าพบแพทย์ตามนัด
การติดตามผลหลังผ่าตัดสำคัญมาก เพราะแพทย์จะประเมินว่าจมูกเข้าที่ดีหรือไม่ มีพังผืดหรือปัญหาอื่นหรือไม่ และให้คำแนะนำเพิ่มเติมตามความจำเป็น