โรงพยาบาล ทีวายพี

Total Views: 22Daily Views: 8

ดึงหน้า

หน้าโทรม ดูเหนื่อย ไม่สดใส แม้จะพักผ่อนเต็มที่ แต่งหน้าจัดเต็ม ก็ยังดูไม่เฟรช ปัญหาริ้วรอย ความหย่อนคล้อยของผิวตามวัย เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผิวเคยกระชับกลับดูย้อยลง หน้าดูอ่อนล้า ดูไม่สดชื่นเหมือนเดิม บางคนมีร่องแก้มลึก มุมปากตก หรือผิวหน้าไม่เท่ากัน เห็นชัดเวลาถ่ายรูป เจอแสง หรือแม้แต่เวลายิ้ม หมอแนะนำตัวช่วยที่ตอบโจทย์ทุกความกังวลของผิวที่เริ่มโรยรา กับ “การดึงหน้า” (Face Lift) เทคนิคศัลยกรรมที่ช่วยยกกระชับใบหน้าแบบลึกถึงชั้น SMAS คืนความตึงเป๊ะให้ผิวหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่แข็ง ไม่ปลอม ช่วยลดริ้วรอย ยกกรอบหน้าให้คมชัด หน้าเรียวขึ้น ดูอ่อนวัยลงทันที 5–10 ปี โดยไม่ต้องพึ่งฟิลเตอร์หรือแอพแต่งรูป!

  • ดึงหน้า

ดึงหน้า คืออะไร ?

การดึงหน้า (Face Lift หรือ Rhytidectomy) คือ การผ่าตัดเพื่อยกกระชับผิวหนังและกล้ามเนื้อชั้นลึก (SMAS layer) ที่เริ่มหย่อนคล้อยตามวัย โดยมีเป้าหมายเพื่อลดเลือนริ้วรอย ยกมุมปาก ร่องแก้ม แก้มล่าง และปรับกรอบหน้าให้ชัดเจนขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

  • ดึงหน้า คืออะไร ?

ดึงหน้า ช่วยอะไร ?

1. ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ช่วยแก้ปัญหาผิวที่เริ่มย้อยตามแรงโน้มถ่วง เช่น แก้มตก ร่องแก้มลึก กรอบหน้าไม่ชัด คอเหี่ยวย่น ให้กลับมาตึงกระชับอีกครั้ง

2. ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงอย่างเป็นธรรมชาติ ดึงหน้าไม่ใช่แค่ “ตึง” แต่คือการปรับโครงสร้างใต้ผิว (SMAS layer) ทำให้หน้าดูสดใส เต่งตึงเหมือนย้อนวัย 5–10 ปี โดยไม่ดูหลอกตา

3. เสริมความมั่นใจและบุคลิกภาพ เมื่อผิวตึงขึ้น ร่องลึกหายไป ความมั่นใจในการเข้าสังคม การแต่งหน้า และการใช้ชีวิตก็เพิ่มขึ้นชัดเจน

4. ผลลัพธ์ชัดเจนและอยู่ได้นาน การดึงหน้าด้วยเทคนิคมาตรฐานสามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 5–10 ปี (ขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้และสภาพผิวของแต่ละคน)

5. แก้ปัญหาเฉพาะจุดได้

สามารถเลือกดึงเฉพาะจุดที่มีปัญหา เช่น

ดึงหน้าผาก → ลดริ้วรอยหน้าผากและยกคิ้ว

ดึงหางตา (Foxy Eye) → ยกหางตาให้ดูเฉี่ยว

ดึงใบหน้ากลาง → แก้แก้มตก ร่องแก้มลึก

ดึงลำคอ → แก้คอเหี่ยว คางสองชั้น

  • ดึงหน้า ช่วยอะไร ?
  • ดึงหน้า ช่วยอะไร ?

ดึงหน้า เหมาะกับใคร ?

1. ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยตามวัย แก้มห้อย ร่องแก้มลึก ผิวบริเวณกรอบหน้าและคอเริ่มหย่อน ไม่ตึงกระชับเหมือนเดิม มีเหนียงหรือคางสองชั้นที่เกิดจากอายุ ไม่ใช่ไขมัน

2. ผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์ หรือร้อยไหมแล้วไม่เห็นผล ฟิลเลอร์ร่องแก้มตกเป็นก้อน ร้อยไหมแล้วหน้าตึงแค่ชั่วคราว กลับมาย้อยไว

3. คนที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว อยากปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์แบบชัดเจน อยู่ได้นาน 5–10 ปี

4. ผู้ที่มีริ้วรอยและความหย่อนคล้อยร่วมกัน โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก หางตา แก้ม และลำคอ

5. ผู้ที่สุขภาพร่างกายแข็งแรง และไม่มีข้อห้ามในการผ่าตัด เช่น ไม่มีโรคเรื้อรังที่ควบคุมไม่ได้ ไม่มีประวัติแพ้ยาสลบหรือยาชา

ดึงหน้า จุดไหนได้บ้าง

รู้หรือไม่? การ “ดึงหน้า” (Face Lift) มีหลายเทคนิค และแต่ละส่วนของใบหน้าก็ใช้วิธีดึงที่ต่างกัน เพื่อผลลัพธ์ที่ตรงจุด เป็นธรรมชาติ สวยย้อนวัยอย่างสมดุล จากภาพนี้ เราสามารถแบ่ง การดึงใบหน้า ได้เป็น 4 สัดส่วนหลัก

  • ดึงหน้า จุดไหนได้บ้าง

1. หน้าผาก (Forehead Lift) – ลดรอยย่นหน้าผาก ยกคิ้วให้ดูสดใส แก้ปัญหาคิ้วตก ดวงตาดูง่วง

2. ดึงหน้าส่วนบนและหางตา (Upper Facelift / Temporal Lift) – ช่วยยกหางตาให้ดูเฉี่ยวขึ้น แก้ตาตก ตาหมอง ให้ตาดูสดชัดขึ้นทันที

3. ดึงหน้าส่วนกลางและส่วนล่าง (Lower Facelift) – แก้ปัญหาแก้มย้อย ร่องแก้มลึก กรอบหน้าเบลอ ให้ใบหน้าดูเรียวและกระชับขึ้นอย่างชัดเจน

4. ลำคอ (Neck Lift) – ยกกระชับเหนียง แก้ผิวหย่อนบริเวณคอ คืนความเรียบเนียนให้ลำคอ ไม่เป็นแถบหรือย่น

เทคนิคการดึงหน้าในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่ “ดึงให้ตึง” แต่คือการออกแบบใบหน้าอย่างละเอียด เพื่อให้ผลลัพธ์ สวยละมุน ไม่หลอกตา ไม่โป๊ะ และดูอ่อนกว่าวัยแบบธรรมชาติที่สุด

ดึงหน้า Facelift กับ Endotine ต่างกันยังไง?

เจาะลึก! เทคนิคยกกระชับใบหน้าที่หลายคนสงสัย จะดึงหน้าทั้งที เลือกแบบไหนดีให้เหมาะกับปัญหาบนใบหน้าและผลลัพธ์ที่ต้องการ? เรามีภาพเปรียบเทียบแบบชัดเจน ระหว่าง Facelift แบบดั้งเดิม กับ Endotine เทคนิคใหม่แบบแผลเล็ก ให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ว่าทางเลือกไหนเหมาะกับคุณที่สุด

  • ดึงหน้า Facelift กับ Endotine ต่างกันยังไง?

Facelift คือ การดึงหน้าด้วยเทคนิคดั้งเดิม เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยระดับมาก เช่น แก้มย้อย ร่องแก้มลึก กรอบหน้าเบลอ โดยยกกระชับจากผิวชั้นลึก (SMAS) ผ่านแผลบริเวณไรผมถึงหลังใบหู ผลลัพธ์ชัดเจน อยู่ได้นาน 5–10 ปี แต่ต้องพักฟื้นนานกว่าเล็กน้อย

Endotine คือ เทคนิคยกหางตา หางคิ้ว ผ่านการ “ส่องกล้อง” แผลเล็กมาก ใช้หมุดพิเศษชื่อว่า Endotine ยึดผิวไว้ให้ยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาคิ้วตก หางตาตก ต้องการยกเฉพาะบางจุด ไม่ได้ต้องการดึงทั่วทั้งหน้า พักฟื้นสั้น แผลเล็กซ่อนง่าย ได้ลุคเฉี่ยวแบบสายฝอ

สัญญาณไหน ที่บ่งบอกว่าหน้าเราเริ่มแก่

เช็กด่วน! 5 จุดบนใบหน้า ที่กำลังบอกว่า “หน้าเริ่มแก่” เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายผลิตคอลลาเจนน้อยลง ผิวและกล้ามเนื้อก็เริ่มเสื่อมตามวัยโดยไม่รู้ตัว ยิ่งปล่อยไว้นานโดยไม่ดูแล ยิ่งทำให้ใบหน้าดูอ่อนล้า ไม่สดใส และดูแก่กว่าวัยโดยไม่ตั้งใจ เช็กให้ชัวร์ว่าคุณเข้าข่ายกี่ข้อ?

  • สัญญาณไหน ที่บ่งบอกว่าหน้าเราเริ่มแก่

ดึงหน้า ต้องพักฟื้นนานแค่ไหน ?

อยากสวย แต่กลัวหยุดงานนาน? มาดูกันว่าต้องเตรียมใจยังไง !

การผ่าตัด: 3-5 ชั่วโมง ใครว่าการเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลานาน? แค่นอนผ่อนคลายไปครึ่งวัน คุณก็จะตื่นมาพร้อมหน้าใหม่ที่กระชับกว่าเดิม!

การพักฟื้น: 1 สัปดาห์ ไม่ต้องห่วงใจไปมาก! ช่วงนี้คุณจะได้พักผ่อนเต็มที่ แถมได้เฮงซ์ที่บ้าน ดูซีรี่ย์ฟินๆ รอให้ผลลัพธ์สวยงามค่อยๆ ปรากฏ

การตัดไหม: 14 วันหลังผ่าตัด ช่วงนี้คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญ! พอตัดไหมแล้ว คุณจะเริ่มเห็นความแตกต่างชัดเจน หน้าเรียบเนียน กระชับ ดูอ่อนเยาว์ขึ้นเยอะ

ผลลัพธ์: เห็นผล 1 เดือนขึ้นไป และอยู่ได้นานถึง 10 ปี นี่คือสิ่งที่คุ้มค่าที่สุด! ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงชั่วคราว แต่เป็นการลงทุนกับความงามที่ยั่งยืน

  • ดึงหน้า ต้องพักฟื้นนานแค่ไหน ?

การเตรียมตัวก่อนศัลยกรรมดึงหน้า

1. ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านตกแต่งใบหน้า แจ้งข้อมูลสุขภาพอย่างละเอียด เช่น โรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา การใช้ยาประจำ ฯลฯ ให้แพทย์ประเมินว่าเหมาะกับการดึงหน้าแบบใด เช่น Full Facelift, Upper Facelift, หรือ Endotine Lift

2. งดยาที่อาจทำให้เลือดออกง่าย หยุดยา แอสไพริน, วิตามินอี, น้ำมันปลา, ยาต้านการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 7-14 วันก่อนผ่าตัด (ตามคำแนะนำแพทย์)

3. งดแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ ห้ามดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด เพราะจะรบกวนการสมานแผล และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

4. ตรวจสุขภาพก่อนการผ่าตัด ต้องมีการตรวจเลือด ตรวจคลื่นหัวใจ (EKG) และวิเคราะห์ความพร้อมของร่างกายก่อนเข้ารับการดมยาหรือยาสลบ

5. จัดเตรียมวันหยุดและคนดูแลหลังผ่าตัด เผื่อเวลาหยุดพักฟื้นประมาณ 10–14 วัน หากต้องดมยาสลบ ควรมีญาติหรือเพื่อนมารับกลับบ้านในวันผ่าตัด

6. ล้างหน้าให้สะอาดและงดแต่งหน้าในวันผ่าตัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ถอดเครื่องประดับ คอนแทคเลนส์ และเล็บปลอมออกทั้งหมด

  • การเตรียมตัวก่อนศัลยกรรมดึงหน้า

การดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมดึงหน้า

1. พักผ่อนให้เพียงพอ พักผ่อนในที่อากาศถ่ายเท ไม่ร้อนอบอ้าว ควรนอนในท่าศีรษะสูง ใช้หมอนหนุน 2 ใบ เพื่อช่วยลดบวม หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือกดใบหน้าเด็ดขาดในช่วง 1–2 สัปดาห์แรก

2. ประคบเย็นอย่างสม่ำเสมอ ใน 48 ชั่วโมงแรก ให้ประคบเย็นบริเวณที่บวมเพื่อลดอาการอักเสบ จากนั้นสามารถเปลี่ยนเป็นประคบอุ่นในวันที่ 3 เป็นต้นไป เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น

3. งดการออกแรงหนักและกิจกรรมที่เพิ่มความดันในร่างกาย เช่น การออกกำลังกาย ยกของหนัก ก้มศีรษะแรง ๆ หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก ควรงด 2–4 สัปดาห์

4. ทำแผลและดูแลความสะอาด ห้ามแผลโดนน้ำในช่วง 48 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นทำความสะอาดตามคำแนะนำแพทย์โดยใช้สำลีชุบน้ำเกลือเช็ดเบา ๆ บริเวณแผล ควรไปล้างแผลและติดตามผลตามที่แพทย์นัดอย่างเคร่งครัด

5. งดแต่งหน้า ทำผม ทำสีผมชั่วคราว หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์แต่งหน้า หรือทำผมในบริเวณใกล้แผลผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ไม่ควรเป่าผมหรือใช้ความร้อนสูงใกล้แผล

6. งดสูบบุหรี่ แอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด เพราะจะไปรบกวนกระบวนการฟื้นฟู และเพิ่มความเสี่ยงต่อแผลติดเชื้อ

  • การดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมดึงหน้า